วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

5 ข้อพินิจก่อนสมัครเข้าอบรมโรงเรียนสอนทำเค้กสุดฟิน

5 ข้อสถาบันหรือโรงเรียนสอนทำเค้กที่ดี

สำหรับแม่บ้านที่รักการทำอาหาร ก็อาจจะต้องคลั่งไคล้ทำเบเกอรี่ และทำเค้กเหมือนกัน สำหรับผู้ใดที่ยังไม่เคยลองทำเค้กมากก่อน บางทีก็มีคมจำเป็นที่ต้องเรียนทำเค้ก แต่ก็ยังเจาะปัญหาว่าร้านไหนเค้าสอนทำเค้กกันบ้าง ตอนนี้เราจึงอยากแนะนำ5 ข้อพินิจก่อนลงเรียนห้องสอนทำเค้ก หรือโรงเรียนทำเบเกอรี่ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ หากได้เลือกเข้าไปเรียนการันตีว่าได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ที่ถูกใจอย่างแน่นอน

 

สิ่งที่ต้องสนใจในการหา}บ้านสอนทำเค้กให้กับเรา

  1. แหล่งที่สอนทำเค้กต้องพอมีชื่อ และครบครันด้วยเครื่องมือ

สถาบันสอนทำเค้กจะต้องมีเป็นที่รู้จักกันสักนิด เพราะว่า ชื่อเสียงนั้น เปรียบเสมือนตัวช่วยที่จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความมั่นใจในการสมัครเรียนได้ในระดับหนึ่งเลยที่เดียว ยิ่งเป็นการสอนทำเค้กแบบเรียนเดียวด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความหน้าสนใจเข้าไปอีก

2.ควรมีประวัติการสอนมาบ้าง

ถ้าหากต้องเลือกเรียน กับครูสอนทำเค้กที่มีชื่อเสียงด้านที่เราต้องการอยู่บ้าง หรือเป็นการสอนทำเค้กแบบตัวต่อตัว ไม่ได้ขึ้นตรงกับสถาบันก็ทำได้เช่นกัน แต่ผู้สอนทำเค้กนั้นต้องมีประวัติการทำเค้กที่ดีด้วยเช่นกัน หากมีการแสดงความเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำ หรือเค้กของผู้สอนมีผู้พูดถึง และเป็นที่ต้องการอยู่ด้วยแล้ว ตรงนี้ก็พอที่จะเป็นสิ่งที่ยืนยันการสอนทำเค้ก ได้ดีที่สุด

3.อุปกรณ์ต้องมีครบเครื่อง

การเรียนรู้จากครูสอนทำเค้กนั้น เมื่อคุณๆได้อบรมเรียนแล้วเราสามารถสังเกตดูอุปกรณ์กับครูผู้สอนก่อนได้ ซึ่งเพียงแค่เราสังเกตจากเครื่องครัวและวัสถุดิบก็พอที่จะเดาออกว่า ครูท่านนี้จะสอนทำเค้ก ให้กับเราด้วยเครื่องครัวแบบไหน ซึ่งอุปกรณ์ ไม่ได้สำคัญเรื่องความเก่าหรือใหม่ แต่ที่สำคัญคือ มีพร้อมหรือไม่ในการทำเบเกอรี่ชนิดนั้นๆ

 4.อัตราค่าเล่าเรียนในการสอนถือเป็นส่วนสำคัญในการสมัครเป็นอย่างยิ่ง

ในเรื่องของอัตราค่าใช้จ่ายนับว่ามีส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะในยุคนี้มีโรงเรียนเบเกอรี่เกิดขึ้นมาอีกหลายที่ทำให้จุดนี้จึงเป็นจุดที่ผู้สมัครจะใช้ในการตัดสินใจเลือกสถานที่เบเกอรี่ และขนมอบที่ตัวเองต้องการเรียนนั่นเอง

5.ระยะเวลาในการเรียน

ระยะเวลาในการเข้าอบรมมีผลอย่างมาก ด้วยการเรียนรู้ เรื่องของเบเกอรี่ หรือเรื่องของเค้กนั้นบางครั้งการเรียนในชั้นเรียนอาจจะไม่เพียงพอ ต้องมีการทำการบ้านหลังเรียนเสร็จด้วยเช่นกัน ส่วนในตอนที่เรียนนั้นการซักถามและการเรียนรู้แก้ไขในส่วนต่างๆถือว่าจำเป็นมาก ควรเก็บเกี่ยวจากผู้สอนมาให้เยอะที่สุดอีกเช่นกัน

เมื่อเข้าใจในส่วนของการหาที่สอนทำเค้กกันแล้ว ก็เริ่มเรียนกันได้เลย ในเวลาที่ครูผู้สอนทำเค้กสอนนั้น ควรมีการโน๊ตหรือหากมีประเด็นสงใสต่างๆ ก็ต้องรีบถามเพื่อประโยชน์ของตัวผู้เรียนเอง อย่าละเลยให้คำถามค้างคาใจ เพราะเมื่อหมดเวลาเรียนแล้ว คุณอาจจะทำเค้กออกมาได้ไม่ดีก็เป็นได้

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สอนทำเบเกอรี่

มุมฟินๆ กับการเรียนทำเบเกอรี่ ‘Waffle’

วันว่างงาน กับการเรียนทำเบเกอรี่ ‘Waffle’

 

‘วาฟเฟิล’ จัดเป็นเบเกอรี่อีกชนิดหนึ่งที่นิยมกันอย่างล้นหลาม ส่วนมากแต่ละเจ้าจะมีข้อปฏิบัติในการทำและเคล็ดลับที่แตกต่างกันออกไป คำว่า ‘Waffle’ เดิมที่มาจากภาษาดัตช์ ว่า wafel อ่านออกเสียงเหมือนคำว่า‘วาฟเฟิล’ ในปัจจุบัน ซึ่งที่ไปของวาฟเฟิล นั้นมีผู้พูดถึงไว้มากมาย โดยมีผู้หนึ่งกล่าวว่าจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรีกโบราณโดยในตอนนั้นวาฟเฟิลจะมีรูปลักษณ์คล้ายเค้กแต่แบนกว่า โดยช่วงนั้น วาฟเฟิล จะมีส่วนผสมหลัก เป็นแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ และนม ซึ่งเหมือนกันกับปัจจุบัน โดยเมื่อคนวัตถุดิบได้ที่แล้ว จะนำมาราดบนแผ่นเหล็กบางและร้อน แต่บางแหล่งก็กล่าวว่า แหล่งกำเนิดเกิดขึ้นโดยผู้ลี้ภัยชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง ที่กำลังแล่นเรือไปแสวงโชคในแถบอเมริกา เมื่อประมาณคริสต์ศักราช 1620และเป็นผู้ที่ทำให้ วาฟเฟิล เป็นที่ต้องการกันในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน

 

ตามที่ได้แนะนำไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าวาฟเฟิลแต่ละร้านมีรูปร่างและขั้นตอนในการทำที่ต่างกัน

เปิดตัวด้วย “American Waffle” มักจะทำจากแป้งโฮลวีท กับผงฟู มีทรงกลมหรือสี่เหลี่ยมตามแบบที่มี โดยจะเลือกทานเป็นอาหารเช้า ราดด้วยเนย น้ำเชื่อมเมเปิ้ลผลไม้สด ไซรัป หรือไอซิ่ง นอกจากนั้นยังนำมาทานพร้อมกับของทอดสไตล์อเมริกันอย่างไก่ทอด เบคอนทอด หรือไข่ดาว ก็ได้เช่นกัน

 

เบลเยี่ยมวาฟเฟิล หรือ วาฟเฟิล (Brussels) ทำด้วยแป้งสาลี และ ยีสต์ ซึ่งส่วนมากในเบลเยี่ยมร้านขายวาฟเฟิลส่วนใหญ่ จะให้บริการในแหล่งท่องเที่ยว และมักจะมีของโรยหน้าเป็นวิปปิ้งครีม ผลไม้สด หรือช็อกโกแลต

 

สแกนดิเนเวี่ยนวาฟเฟิล ความจริงแป้งจะเป็นแบบบาง ความจริงเป็นรูปหัวใจมีรสชาติหวาน และรับประทานพร้อมวิปครีม สตอร์เบอรี่ หรือแจมชนิดต่างๆ

 

Dutch Waffle ถือว่าเป็นขนมหวานยุคแรกๆของชาวดัตช์ ที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18-19 โดยทั่วไปเป็นวาฟเฟิลแบบบางกรอบ 2 แผ่นประกบกันทำจากแป้งโฮลวีท เนยน้ำตาล ยีสต์ นม และไข่ โดยยัดไส้ด้วยคาราเมลไซรัป

 

ตามบันทึกแล้ววาฟเฟิล ยังมีอีกเยอะแยะมากมายหลายชนิดที่เราไม่ได้พรรณาไว้ในเว็บไซต์นี้ยกตัวอย่างเช่น วาฟเฟิลฮ่องกง วาฟเฟิลไส้กรอก วาฟเฟิลนมสด หรือแม้กระทั่งวาฟเฟิลอังกฤษ ซึ่งในสมัยนี้ นับว่าวาฟเฟิลเป็นเบเกอรี่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในวัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยทำงาน ก็สามารถรับประทานได้โดยง่าย เช่นนั้นแล้ว หากนักเรียนคิดจะเริ่มเรียนทำเบเกอรี่แล้ววาฟเฟิล เป็นอีกหนึ่งคอร์ส ที่จะสามารถตอบคำถามในเรื่องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เป็นอย่างดี พร้อมยังฝึกความสามารถในการทำเบเกอรี่ และสามารถสร้างรายได้ ให้กับตนเองอีกทางหนึ่งเช่นกัน

 

ใช้เวลามุมพักใจกับการเรียนทำเบเกอรี่วาฟเฟิล โดยในเวลานี้ มีโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่มากมาย ที่จะให้คุณได้เลือกเรียนทำเบเกอรี่ตามที่คุณชื่นชอบ ตอนนี้เราจึงอยากแนะนำ บ้านสอนทำเบเกอรี่ครูอ้วน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ ที่ตอบสนองทุกความต้องการในด้าน{การศึกษาเกี่ยวกับ|การเรียนรู้|การปฏิบัติ||{การทำเบเกอรี่ โดยเฉพาะวาฟเฟิล ที่คุณก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ ในการเรียนทำเบเกอรี่มาก่อน

 

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

วันชิวๆ กับการเรียนทำเบเกอรี่ ‘Waffle’

วันว่างๆ กับการเรียนทำเบเกอรี่ ‘Waffle’

 

‘วาฟเฟิล’ จัดว่าเป็นของทานเล่นอีกชนิดหนึ่งที่ชื่นชอบกันอย่างแพร่หลาย โดยแต่ละประเทศจะมีกรรมวิธีการทำและสูตรที่แตกต่างกันออกไป คำว่า ‘Waffle’ เดิมที่มาจากภาษาดัตช์ ว่า wafel อ่านออกเสียงเหมือนคำว่า ‘Waffle’ในปัจจุบัน ซึ่งที่มาที่ไปของวาฟเฟิล นั้นมีผู้กล่าวไว้หลายข้อ โดยมีผู้หนึ่งกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณโดยในตอนนั้นวาฟเฟิลจะมีลักษณะคล้ายเค้กแต่แบนกว่า โดยสมัยนั้น วาฟเฟิล จะมีส่วนผสมหลัก เป็นแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ และนม ซึ่งมีความคลายกับยุคนี้ โดยเมื่อผสมผสานวัตถุดิบได้ที่แล้ว จะนำมาใส่บนแผ่นเหล็กแบนๆ ร้อนๆ แต่บางบันทึกก็กล่าวว่า แหล่งกำเนิดเกิดขึ้นโดยผู้คนชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง ที่กำลังแล่นเรือไปแสวงโชคในอเมริกา เมื่อประมาณปี 1620หลังคริสตการณ์และเป็นผู้ที่ทำให้ วาฟเฟิล เป็นที่หลงไหลกันในเวลาต่อมาจนถึงณ ตอนนี้

 

ตามที่ได้บอกไปตั้งแต่บทความด้านบนแล้วว่าวาฟเฟิลแต่ละร้านมีรสชาติและวิธีในการทำที่แตกต่างกันออกไป

เริ่มต้นกับ “อเมริกันวาฟเฟิล” โดยมากจะทำจากแป้งโฮลวีท กับผงฟู มีลักษณะกลมหรือสี่เหลี่ยมตามแต่แบบที่มี โดยจะรับประทานเป็นอาหารเช้า ราดด้วยเนย น้ำเชื่อมเมเปิ้ลผลไม้สด ไซรัป หรือไอซิ่ง ยังไม่พอ วาฟเฟิลยังนำมารับประทานพร้อมกับของทอดสไตล์อเมริกันอย่างซี่โครงไก่ทอด ฮ๊อตดอก หรือไข่ดาว ก็ได้เช่นกัน

 

เบลเยี่ยมวาฟเฟิล หรือ วาฟเฟิล (Brussels) ทำด้วยแป้งสาลี และ ยีสต์ ซึ่งจริงๆแล้วในเบลเยี่ยมร้านขายวาฟเฟิลส่วนใหญ่ จะขายในแหล่งท่องเที่ยว และมักจะมีของแต่งหน้าเป็นวิปครีม ผลไม้สด หรือช็อกโกแลต

 

สแกนดิเนเวี่ยนวาฟเฟิล รูปลักษณ์แป้งจะเป็นแบบบาง รูปทรงเป็นรูปหัวใจให้รสชาติที่หวาน และรับประทานพร้อมวิปครีม บลูเบอรี่ หรือแยมชนิดต่างๆ

 

ดัตช์ วาฟเฟิล ถือเป็นของหวานยุคแรกๆของชาวดัตช์ ที่เริ่มขึ้นในช่วงปี 1800-1900 ความจริงแล้วเป็นวาฟเฟิลแบบบางกรอบ 2 แผ่นประกบกันทำจากแป้งโฮลวีท เนยน้ำตาล ยีสต์ นม และไข่ โดยยัดไส้ด้วยคาราเมลไซรัป

 

ตามบันทึกแล้ววาฟเฟิล ยังมีอีกหลากชนิดที่เราไม่ได้กล่าวไว้ในที่นี้ยกตัวอย่างเช่น วาฟเฟิลฮ่องกง วาฟเฟิลไส้กรอก วาฟเฟิลนมสด หรือแม้กระทั่งวาฟเฟิลอังกฤษ ซึ่งในตอนนี้ นับว่าวาฟเฟิลเป็นเบเกอรี่ที่ได้รับความชื่นชอบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในวัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยทำงาน ก็สามารถทานได้โดยง่าย หากเป็นเช่นนั้นแล้ว หากคนไหนคิดจะเริ่มเรียนทำเบเกอรี่แล้ววาฟเฟิล เป็นอีกหนึ่งหลักสูตร ที่จะตอยโจทย์ของคุณในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เป็นอย่างดี พร้อมยังฝึกความสามารถในการทำเบเกอรี่ และสามารถสร้างรายได้ ให้กับตนเองอีกทางหนึ่งเช่นกัน

 

ใช้เวลามุมสงบกับการเรียนทำเบเกอรี่วาฟเฟิล โดยในเวลานี้ มีโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่มากมาย ที่จะให้คุณได้เลือกเรียนทำเบเกอรี่ประเภทที่คุณชื่นชอบ ตอนนี้เราจึงอยากแนะนำ บ้านสอนทำเบเกอรี่ครูอ้วน ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งการเรียนรู้ ที่ตอบสนองทุกความต้องการในด้าน{การศึกษาเกี่ยวกับ|การเรียนรู้|การปฏิบัติ||{การทำเบเกอรี่ โดยเฉพาะวาฟเฟิล ที่ท่านก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ ในการเรียนทำเบเกอรี่มาก่อน

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สอนทำเค้ก

อาวุธลับ 7-11 รู้เร็ว รวยเร็ว กับ 7 วัตถุดิบ 11 อุปกรณ์สำคัญก่อนเรียนทำเบเกอรี่

เคล็ดวิชา 7-11 รู้เร็ว รวยเร็ว กับ 7 วัตถุดิบ 11 อุปกรณ์สำคัญก่อนเรียนทำเบเกอรี่

                              

ส่วนผสม วัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการเรียนทำเบเกอรี่

ผู้ใดที่สนใจเริ่มต้นเรียนทำเบเกอรี่ เรามีความจำเป็นที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนผสม วัตถุดิบและอุปกรณ์หลักๆสำหรับการทำเบเกอรี่เสียก่อน เพื่อที่จะได้ใช้งานเกี่ยวกับส่วนผสมๆต่างได้อย่างถูกต้อง ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการคัดสรรค์นำเอามาใช้ในการทำเบเกอรี่

 

พี่ๆน้อง เรามาเริ่มกันจากส่วนผสมหรือวัตถุดิบต่างๆที่ใช้สำหรับการเรียนทำเบเกอรี่กันก่อน

ในครั้งนี้ส่วนผสมหลักที่เราใช้ในการทำเบเกอรี่นั้นมีดังนี้

1.แป้ง ซึ่งในสมัยนี้ในบ้านเรามีแป้งสาลีตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่อยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อและหลายประเภท โดยเราควรเลือกสรรค์ใช้แป้งให้เหมาะสมกับเบเกอรี่แต่ละประเภท โดยมีทั้งแป้งสาลีที่เหมาะจะทำแต่เพียงขนมเค้ก แป้งสาลีที่เหมาะจะใช้ทำขนมปัง แป้งสาลีที่เหมาะสำหรับทำคุกกี้ หรือแป้งอเนกประสงค์ เป็นต้น ส่วนใหญ่การเลือกใช้แป้งให้ถูกต้องก็จะช่วยให้ขนมออกมาดีเช่นกัน

2.น้ำตาล เพื่อนๆ เราควรเลือกสรรค์ใช้น้ำตาลที่มีความละเอียดมาใช้ในการทำเบเกอรี่ และควรร่อนน้ำตาลก่อนเพื่อให้ได้เนื้อขนมที่น่ารับประทาน

3.สารเร่งฟู ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีกหลายอย่าง ดังนี้ ผงฟู (ช่วยให้ได้เนื้อขนมที่มีความฟูนุ่ม) เบกกิ้งโซดา (ช่วยให้เนื้อขนมขึ้นฟูและส่วนผสมไม่ตกตะกอน เหมาะสำหรับใช้ใส่ในส่วนผสมที่มีส่วนผสมของของหนักและมีน้ำตาลในตัว เช่น ผงโกโก้ เนื้อกล้วยหอม ยีสต์

4.ไข่ไก่ ส่วนใหญ่ไข่ไก่ควรเลือกใช้ไข่ที่มีความสด โดยพี่ๆน้องๆจะวิเคราะห์ความสดของไข่ได้จากการดูนวลที่เปลือกไข่ โดยวิเคราะห์โดยการจับเปลือกไข่แล้วรู้สึกหยาบ

5.เนย เนยสำหรับทำขนมเองก็หลายชนิด มีทั้งเนยสดเค็ม เนยสดจืด เนยทียม เนยขาว และมาการีน ดังนั้นก่อนจะนำมาใช้ต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าเป็นเนยที่เหมาะสำหรับทำขนมชนิดใด

6.นม

7.เกลือ

 

นอกจากวัตถุดิบหลักด้านบน ในการทำเบเกอรี่ยังมีส่วนผสมต่างๆอีกมาก ที่สามารถนำมาปรับปรุงใช้ให้ได้เคล็ดวิชาที่เป็นของตัวเองและมีความอร่อยไม่ซ้ำใคร วัตถุดิบต่างๆที่ว่าสามารถแยกได้ตามรสชาติของขนมแต่ละชนิด เช่น เค้กช็อกโกแลต ก็อาจจะต้องใช้วัตถุดิบประเภทผงโกโก้เป็นหนึ่งในส่วนผสม เค้กชาไทย ก็ต้องใช้ผงชาไทยหรือน้ำชาไทยเป็นวัตถุดิบสำหรับผสมเป็นต้น

 

เมื่อเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนผสมหลักและวัตถุดิบอื่นๆเพิ่มเติมแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนทำเบเกอรี่สำคัญๆต่างๆเบื้องต้น เพื่อที่จะได้จัดหาและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเอาไว้ให้เหมาะสมและครบถ้วน

สำหรับอุปกรณ์หลักๆที่สำคัญในการทำเบเกอรี่ได้แก่
1.เตาอบเบเกอรี่ สำหรับผู้เริ่มต้นอาจจะใช้เตาอบไฟฟ้าตัวเล็กๆก่อนก็ได้
2.เครื่องตีไข่ไฟฟ้า

3.ตะกร้อมือ
4.พายยาง
5.สปาตูล่า (ใช้ในกรณีทำขนมที่ต้องปาด เช่น เค้ก)
6.อ่างหรือชาม สำหรับใช้ผสมส่วนผสมต่างๆ
7.พิมพ์และถาด สำหรับอบ
8.กระดาษไข สำหรับใช้รองพิมพ์
9.หัวบีบเค้ก คุกกี้และถุงบีบ
10.แปรงทาเนย
11.อุปกรณ์การตวงส่วนผสมต่างๆ

 

เมื่อท่านผู้อ่านทุกคนเราเรียนรู้และเตรียมทั้งอุปกรณ์และส่วนผสมไปจนถึงวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่แล้ว ก็สามารถเริ่มต้นฝึกและหัดทำเบเกอรี่ตามสูตรที่ต้องการได้เลย สำคัญกว่านั้นอย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝนนะคร๊าบ หรือถ้ายังไม่กล้าลองทำก็สามารถติดต่อเข้ามาเรียนทำเบเกอรี่กับครูอ้วนได้เลยนะครับผม

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สอนทำเบเกอรี่

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

ไม้ตาย 7-11 รู้เร็ว รวยเร็ว กับ 7 วัตถุดิบ 11 อุปกรณ์สำคัญก่อนเรียนทำเบเกอรี่

กลเม็ดเด็ด 7-11 รู้เร็ว รวยเร็ว กับ 7 วัตถุดิบ 11 อุปกรณ์สำคัญก่อนเรียนทำเบเกอรี่

                              

ส่วนผสม วัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการเรียนทำเบเกอรี่

สิ่งที่ต้องเรียนรู้เริ่มต้นเรียนทำเบเกอรี่ ทุกคนควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนผสม วัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการทำเบเกอรี่เสียก่อน เพื่อที่จะได้เข้าใจเกี่ยวกับส่วนผสมๆต่างได้อย่างถูกต้อง ทำให้ง่ายและรวดเร็วต่อการประยุกต์นำเอามาใช้ในการทำเบเกอรี่

 

พี่ๆน้อง เรามาเริ่มกันจากส่วนผสมหรือวัตถุดิบต่างๆที่ใช้สำหรับการเรียนทำเบเกอรี่กันก่อน

โดยวันนี้ส่วนผสมหลักที่เราใช้ในการทำเบเกอรี่นั้นมีส่วยผสมดังนี้

1.แป้งสาลี ซึ่งณ ปัจจุบันนี้ในบ้านเรามีแป้งสาลีตามตามซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อและหลายประเภท โดยเราควรเลือกใช้แป้งให้เหมาะสมกับเบเกอรี่แต่ละประเภท โดยมีทั้งแป้งสาลีที่เหมาะจะทำแต่เพียงขนมเค้ก แป้งสาลีที่เหมาะจะใช้ทำขนมปัง แป้งสาลีที่เหมาะสำหรับทำคุกกี้ หรือแป้งอเนกประสงค์ เป็นต้น ดังนั้นการเลือกใช้แป้งให้ตรงตามประเภทก็จะช่วยให้ขนมออกมาดีเช่นกัน

2.น้ำตาล ทุกๆคนควรเลือกใช้น้ำตาลที่มีเหมาะสมกับขนมชนิดนั้นๆมาใช้ในการทำเบเกอรี่ และควรร่อนน้ำตาลก่อนเพื่อให้ได้เนื้อขนมที่สวย

3.สารช่วยฟู ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีกหลายชนิด ดังนี้ ผงฟู (ช่วยให้ได้เนื้อขนมที่มีความฟูนุ่ม) เบกกิ้งโซดา (ช่วยให้เนื้อขนมขึ้นฟูและส่วนผสมไม่ตกตะกอน เหมาะสำหรับใช้ใส่ในส่วนผสมที่มีส่วนผสมของของหนักและมีน้ำตาลในตัว เช่น ผงโกโก้ เนื้อกล้วยหอม ยีสต์

4.ไข่ไก่ โดยไข่ไก่ควรเลือกใช้ไข่ที่มีความสด โดยเราจะพิสูจน์ความสดของไข่ได้จากการดูนวลที่เปลือกไข่ โดยดูโดยการแตะเปลือกไข่แล้วรู้สึกขรุขระ

5.เนย เนยสำหรับทำขนมเองก็หลายชนิด มีทั้งเนยสดเค็ม เนยสดจืด เนยทียม เนยขาว และมาการีน ดังนั้นก่อนจะเลือกใช้ต้องทำความรู้จักให้ดีว่าเป็นเนยที่เหมาะสำหรับทำขนมชนิดใด

6.นม

7.เกลือ

 

นอกจากวัตถุดิบหลักด้านบน ในการทำเบเกอรี่ยังมีวัตถุดิบต่างๆอีกมาก ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้ได้สูตรไม้ตายที่เป็นของตัวเองและมีความอร่อยไม่ซ้ำใคร วัตถุดิบต่างๆที่ว่าสามารถแยกได้ตามรสชาติของขนมแต่ละชนิด เช่น เค้กช็อกโกแลต ก็อาจจะต้องใช้วัตถุดิบประเภทผงโกโก้เป็นหนึ่งในส่วนผสม เค้กชาไทย ก็ต้องใช้ผงชาไทยหรือน้ำชาไทยเป็นวัตถุดิบสำหรับผสมเป็นต้น

 

เมื่อเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนผสมหลักและวัตถุดิบอื่นๆเพิ่มเติมแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนทำเบเกอรี่สำคัญๆต่างๆเบื้องต้น เพื่อที่จะได้จัดหาและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเอาไว้ให้เหมาะสมและครบถ้วน

สำหรับอุปกรณ์หลักๆที่สำคัญในการทำเบเกอรี่ได้แก่
1.เตาอบเบเกอรี่ สำหรับผู้เริ่มต้นอาจจะใช้เตาอบไฟฟ้าตัวเล็กๆก่อนก็ได้
2.เครื่องตีไข่ไฟฟ้า

3.ตะกร้อมือ
4.พายยาง
5.สปาตูล่า (ใช้ในกรณีทำขนมที่ต้องปาด เช่น เค้ก)
6.อ่างหรือชาม สำหรับใช้ผสมส่วนผสมต่างๆ
7.พิมพ์และถาด สำหรับอบ
8.กระดาษไข สำหรับใช้รองพิมพ์
9.หัวบีบเค้ก คุกกี้และถุงบีบ
10.แปรงทาเนย
11.อุปกรณ์การตวงส่วนผสมต่างๆ

 

เมื่อพวกเราเรียนรู้และจัดเตรียมทั้งอุปกรณ์และส่วนผสมรวมแม้กระทั่งวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่แล้ว ก็สามารถเริ่มต้นฝึกและหัดทำเบเกอรี่ตามสูตรที่ต้องการได้เลย สำคัญกว่านั้นอย่าลืมว่าทุกๆอย่างอยู่ที่การฝึกฝนนะคร๊าบ หรือถ้าอยากเรียนรู้อย่างถูกต้องก็สามารถติดต่อเข้ามาเรียนทำเบเกอรี่กับครูอ้วนได้เลยนะครับผม

 

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์กับการเรียนทำเบเกอรี่

ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์กับการเรียนทำเบเกอรี่

 

การหาความรู้รอบตัวต่างๆใส่ตัวนับเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นวันหยุดงาน ซึ่งการเรียนทำเบเกอรี่ก็นับได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่างที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์เช่นกัน โดยเฉพาะกับใครหลายๆคนที่กำลังมองหาทางเลือกเสริมรายได้ต่างๆแต่อาจจะยังยังหาตัวตนของตัวเองไม่เจอว่ารักชอบสิ่งใด ซึ่งการทดลองมาเรียนทำเบเกอรี่อาจจะช่วยตอบโจทย์ ให้กับตัวของคุณได้ไม่มากก็น้อย กระทั่งว่าคุณอาจจะไม่ชอบหรือไม่ถูกใจเมื่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำเบเกอรี่แล้ว แต่คุณก็ยังมีสกิลและความสามารถในการทำเบเกอรี่ติดตัวคุณเอาไว้ได้

 

แต่ถ้าหากคุณได้มาดื่มด่ำกลิ่นอายใหม่หรือเรียนรู้การทำเบเกอรี่ โดยใช้เวลาว่างในวันพักผ่อนแนวใหม่ที่คุณมีอยู่มาสมัครเรียนทำเบเกอรี่ที่คุณชื่นชอบทานหรือสนใจ หากเรียนแล้วแล้วเกิดชอบหรือรักที่จะทำก็เท่ากับว่าคุณได้ค้นพ้บความถนัดของตนเอง โดยสามารถที่จะอัพเลเวลความสามารถต่างๆเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่เพื่อต่อยอดจนสามารถสร้างงานจากการทำเบเกอรี่ให้ตัวคุณเองได้ นับเป็นการใช้เวลาว่างในวันตอนรับวันหยุดให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง      

 

โรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ครูอ้วนยินดีต้อนรับทุกท่านที่กำลังมีความต้องการหัดทำที่จะเรียนทำเบเกอรี่ ซึ่งไม่ว่าเป้าหมายในการมาลงคอร์สอบรมหรืออัพเวลสกิลต่างๆกับทางโรงเรียนของเราจะเป็นอะไร ทางครูอ้วนก็มีความยินดีที่จะต้อนรับและมอบประสบการณ์ความรู้และทักษะต่างๆเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่ให้แก่นักเรียนที่มีความสนใจอย่างดีที่สุด โดย}นักเรียน ของเราทุกคนจะได้ลงมือทำด้วยตนเองทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำและกระประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง จนนักเรียนสามารถนำกลับไปปฏิบัติใช้ได้จริงเมื่ออบรมเสร็จแล้ว และถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยเรียนรู้การเรียนทำเบเกอรี่ อบรมวิชาเรียนเบเกอรี่ต่างๆหรือมีพื้นฐานเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่มาก่อน ทางครูอ้วนก็สามารถสอนและอบรมการเรียนการสอนต่างๆให้คุณได้แน่นอน

 

เพราะทางโรงเรียนของเรามีครูผู้สอนที่มีความรู้ความสามารถในการทำเบเกอรี่และความรู้ความสามารถในการสอนทำเบเกอรี่มาเป็นเวลานาน ดังนั้นผู้เข้าฝึกหัดที่เรียนกับเราทุกคนจึงมั่นใจได้แน่นอนว่าจะได้รับสกิลเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่ไปจนถึงไม้ตายต่างๆที่หลายๆโรงเรียนอาจจะไม่ได้สอนให้คุณ กลับไปอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเมื่อมาเรียน และอบรมการสาธิตการสอนการทำเบเกอรี่กับทางโรงเรียนของเรา คุณจะได้ใช้เวลาว่างของคุณในวันหยุดยาวให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่าแน่นอน สำหรับท่านที่รักในการทำเบเกอรี่และจะเรียนทำเบเกอรี่สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดวันและเวลาไปจนถึงวิชาเรียนการสอนทำเบเกอรี่ได้โดยตรงกับทางโรงเรียนของเรา ทางโรงเรียนยินดีให้คำปรึกษาและให้รายละเอียดแก่ทุกท่านเสมอค่ะ เริ่มเรียนทำเบเกอรี่กันเลย !!!